Tamper Evident Packaging ภาคที่ 1
บรรจุภัณฑ์ที่ทิ้งร่องรอยให้เห็นเมื่อถูกเปิดครั้งแรก
โดย อาจารย์มยุรี ภาคลำเจียก
ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับว่าสินค้าอุปโภคบริโภคกำลังประสบปัญหาการแข่งขันสูง หนึ่งในปัจจัยสู่ความสำเร็จ คือ สินค้าต้องตอบสนองพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความปลอดภัย ดังข้อมูลจากการสำรวจเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า 54% ของผู้บริโภคทั่วโลกต้องการให้อาหารปลอดภัยในการบริโภค และให้ความสำคัญเป็นอันดับที่ 1
อาหารปลอดภัยในการบริโภคนอกจากมาจากอาหารเองแล้ว (ต้องสะอาด และไม่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ) บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ก็มีส่วนสำคัญ คือ ต้องสัมผัสอาหารได้ปลอดภัย ปิดสนิทได้มิดชิด และป้องกันสิ่งปนเปื้อนจากภายนอกได้
หากเป็นผลิตภัณฑ์ยา ความปลอดภัยจะมีความเข้มงวดมากกว่า และมีกฎระเบียบควบคุม
อุตสาหกรรมอาหารและยาที่ได้มาตรฐานจะมีการควบคุมผลิตภัณฑ์ (อาหารและยาที่บรรจุในบรรจุภัณฑ์แล้ว) ให้ปลอดภัยจากโรงงานผลิต หลายท่านอาจมีคำถามว่า “ในระหว่างการลำเลียง ขนส่ง และจัดจำหน่ายในร้านค้า ผ่านขั้นตอนต่าง ๆ ผู้ผลิตอาหารและยายังจะสามารถรับประกันความปลอดภัยของอาหารและยานั้นได้หรือไม่? จะถูกเปิดทำให้เกิดการปนเปื้อนหรือไม่? และผู้บริโภคจะทราบได้อย่างไร?” บทความเรื่อง Tamper Evident Packaging จะเป็นการตอบคำถามในประเด็นนี้
Tamper Evident Packaging (TE Packaging)
หมายถึง บรรจุภัณฑ์ที่ได้รับการปิดเป็นอย่างดีและมีสิ่งชี้บอกให้ทราบว่าบรรจุภัณฑ์นั้นได้ถูกเปิดออกเป็นครั้งแรกแล้ว ใช้เป็นหลักฐานในการพิสูจน์ว่าบรรจุภัณฑ์นั้นได้ถูกเปิดก่อนถึงมือผู้บริโภคหรือไม่ ในบทความนี้จะเรียกบรรจุภัณฑ์นี้สั้น ๆ ว่า “บรรจุภัณฑ์ TE”
สิ่งบ่งชี้หรือร่องรอยของบรรจุภัณฑ์ที่ถูกเปิดแล้วต้องสามารถเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องมือหรือการวิเคราะห์ใด ๆ ในห้องปฏิบัติการ
บรรจุภัณฑ์ประเภทขวด กระป๋อง ถ้วย หลอด จะมีการใช้ฝาปิด ฝาปิดที่มีแถบส่วนล่างขาดออกเมื่อถูกเปิดครั้งแรก จะเรียกว่า TE cap ในทางตรงกันข้าม ฝาปิดที่ไม่มีแถบดังกล่าว เช่น ฝาเกลียว ฝาฟลิบ จะเรียกว่า non-TE cap
ประเภทผลิตภัณฑ์และเหตุผลในการใช้บรรจุภัณฑ์ TE
ผลิตภัณฑ์อาหารและยาทุกชนิด รวมทั้งเครื่องสำอางและอุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิดที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้บริโภค มีความจำเป็นในการใช้บรรจุภัณฑ์ TE เนื่องจากเหตุผลดังต่อไปนี้
- ผู้บริโภคมีความมั่นใจว่าบรรจุภัณฑ์ไม่ถูกเปิดหลังจากบรรจุในโรงงานแล้ว เนื่องจากการถูกเปิด ไม่ว่าเกิดจากอุบัติเหตุ (ไม่ตั้งใจ) หรือตั้งใจก็ตาม มีโอกาสทำให้ผลิตภัณฑ์เกิดการปนเปื้อนจากสิ่งต่าง ๆในสภาวะแวดล้อม หรือจากสารบางอย่างที่ตั้งใจใส่ลงไป ทำให้มีความเสียงต่อความปลอดภัยหรือสุขภาพของผู้บริโภคเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์นั้น
- ผู้ผลิตสินค้าหรือเจ้าของตราสินค้าใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันสินค้าถูกขโมยเปิดโดยผู้ประสงค์ร้าย ซึ่งอาจใส่สารแปลกปลอมลงไปในบรรจุภัณฑ์
- ในกรณีที่สารแปลกปลอมไม่ปนเปื้อนกับผลิตภัณฑ์ เช่น ใส่ในกล่องที่มีถุงพลาสติกเป็นบรรจุภัณฑ์ปฐมภูมิ อาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าโรงงานที่ผลิตสินค้านั้นไม่ได้มาตรฐาน GHP (Good Hygienic Practice)
- ในกรณีที่สารแปลกปลอมปนเปื้อนกับผลิตภัณฑ์ จะมีโอกาสทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ปลอดภัยในการบริโภคหรือใช้งาน
ทั้ง 2 กรณีล้วนก่อให้ตราสินค้าเสื่อมเสียชื่อเสียงได้ บรรจุภัณฑ์ TE สามารถช่วยป้องกันปัญหานี้ได้ สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและลูกค้าว่าโรงงานมีระบบในการผลิตที่สะอาดได้มาตรฐาน มีมาตรการป้องกันการปนเปื้อน นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการถูกร้องเรียนจากผู้บริโภค (consumer complaint) และการเก็บผลิตภัณฑ์คืนจากตลาด (product recall) อันเนื่องจากผลิตภัณฑ์เกิดการปนเปื้อน
สรุป กลุ่มสินค้าดังกล่าวข้างต้น บรรจุภัณฑ์ปฐมภูมิที่ใช้ต้องเป็นบรรจุภัณฑ์ TE บรรจุภัณฑ์ทุติยภูมิจะเป็นบรรจุภัณฑ์ TE หรือไม่ ขึ้นกับวิจารณญาณของเจ้าของตราสินค้า ประเทศไทยแม้ว่าไม่มีกฎหมายบังคับให้ใช้บรรจุภัณฑ์ TE กับอาหาร แต่มีใช้บังคับกับสินค้าประเภทยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์บางชนิด ผู้ผลิตสินค้าอาหารทุกรายควรใช้บรรจุภัณฑ์ TE อย่างยิ่ง เพราะมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคและต่อเจ้าของตราสินค้า
ประเภทของบรรจุภัณฑ์ TE
บรรจุภัณฑ์ TE มีทั้งที่เป็นลักษณะทั่วไปของบรรจุภัณฑ์ประเภทนั้น ๆ (เช่น ถุงพลาสติกที่ปิดผนึกด้วยความร้อน กระป๋องโลหะที่ปิดสนิท เป็นต้น) และชิ้นส่วนของบรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบเฉพาะ (เช่น ฝาขวดที่มีส่วนฉีกขาดเมื่อเปิด เป็นต้น) ตามประสบการณ์ของผู้เขียน จะแบ่งบรรจุภัณฑ์ TE เป็น 10 ประเภท ภายใต้ข้อมูล ณ วันนี้ ต่อไปภายหน้าอาจมีประเภทใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นก็ได้
- ถุงพลาสติกที่ปิดผนึกด้วยความร้อน
Heat sealed flexible pouch - ฟิล์มพลาสติกที่ปิดผนึกด้วยความร้อนกับปากถาด/ถ้วย/หลอดพลาสติก
Heat sealed lidding film on plastic tray/cup/tube - ขวดและกล่องที่ใช้
TE cap Bottle and box with TE cap - ลายเนอร์ปิดปากขวดที่ใช้
non-TE cap Liner on bottle mouth using non-TE cap - ฟิล์มหดหุ้มคอขวดที่ใช้
non-TE capShrink sleeve on bottle neck using non-TE cap - กระป๋องโลหะที่ปิดสนิท
Hermetical sealed metal can - ขวดพลาสติกปากกว้างที่ปิดด้วยฝาอะลูมิเนียมแบบเปิดง่าย
Plastic jar with aluminum easy-open lid - บลิสเตอร์แพค
Blister pack - กล่องฝาติดกาว
Seal ends carton - สติกเกอร์/เทปติดที่ฝากล่องหรือฟิล์มหดหุ้มกล่องที่ไม่เป็น TE
Sticker/tape or whole shrink wrap on non-TE carton
ในประเทศสหรัฐอเมริกา นิยมแบ่งบรรจุภัณฑ์ TE เป็น 4 ประเภท ดังรูป
ตัวอย่างและการใช้งานของบรรจุภัณฑ์ TE แต่ละประเภท มีดังนี้
1. ถุงพลาสติกที่ปิดผนึกด้วยความร้อน: ถุงพลาสติกได้รับความนิยมสูงสุดในการเป็นบรรจุภัณฑ์ปฐมภูมิสำหรับอาหาร การปิดผนึกด้วยความร้อนอย่างสนิทที่ทุกด้านของถุงโดยไม่มีช่องโหว่หรือขาดที่บริเวณปิดผนึกสามารถทำหน้าที่เป็นบรรจุภัณฑ์ TE ได้อย่างดี ในกรณีที่มีการใช้ถุงที่เปิดและปิดซ้ำ อันได้แก่
1) ถุงติดซิป ต้องปิดผนึกด้วยความร้อนที่ปากถุงในแนวที่อยู่เหนือซิป เพื่อให้ถุงเป็น TE
2) ถุงที่มีจุกและฝา ฝาที่ใช้ต้องเป็นฝา TE เท่านั้น
2. ฟิล์มพลาสติกที่ปิดผนึกด้วยความร้อนกับปากถาด/ถ้วย/หลอดพลาสติก: ได้รับความนิยมกับอาหารมากที่สุด ฟิล์มพลาสติกที่ใช้ต้องเลือกโครงสร้างให้เหมาะสมกับชนิดของพลาสติกที่ทำถาด/ถ้วย/หลอด เพื่อให้ปิดผนึกด้วยความร้อนได้อย่างสมบูรณ์ โดยไม่รั่วซึม เมื่อฟิล์มถูกลอกเปิดออกครั้งแรก ไม่สามารถปิดใหม่ได้ จึงเป็นบรรจุภัณฑ์ TE
3. ขวดและกล่องที่ใช้ TE cap: เป็นเทคโนโลยีในการออกแบบฝาขวดและกล่องที่เกิดการฉีกขาดบริเวณแถบส่วนล่างของฝาเมื่อถูกเปิดออก ได้รับความนิยมสูงกับขวดเครื่องดื่ม อาหารเหลว และยา รวมทั้งกับขวดพลาสติกปากกว้างและกล่องสำหรับบรรจุอาหารประเภทต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีการใช้กับขวดอะลูมิเนียมรูปทรงกระบอกสำหรับบรรจุวิตามินแบบเม็ด ควรเลือกฝามาตรฐานที่ใช้กับปากขวดมาตรฐาน เพื่อให้หาซื้อได้ง่าย ไม่ต้องจ่ายค่าแม่แบบ (mould) ของฝา และราคาไม่สูงนัก
4. ลายเนอร์ปิดปากขวดที่ใช้ non-TE cap: ลายเนอร์ทำจากวัสดุได้หลายชนิด เช่น ฟิล์มพลาสติก กระดาษแข็งเคลือบกาว อะลูมิเนียมฟอยล์เคลือบกาว ปิดปากขวดด้วยความร้อน หรือใช้การเหนี่ยวนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้เป็นบรรจุภัณฑ์ TE อีกทั้งยังช่วยป้องกันไอน้ำและก๊าซออกซิเจนจากภายนอกได้ด้วย นิยมใช้กับผลิตภัณฑ์ยา และเครื่องดื่ม
5. ฟิล์มหดหุ้มคอขวดที่ใช้ non-TE cap: มี 2 แบบย่อย คือ
1) ฟิล์มหดหุ้มบริเวณคอขวดกับฝา ลักษณะเป็นซองวงแหวนขนาดเล็กที่มีรอยปรุ เมื่อใช้ลมร้อนเป่า ฟิล์มหดจะรัดยึดฝาไม่ให้ถูกเปิด เมื่อต้องการเปิดฝา ต้องฉีกฟิล์มหดนี้ออกที่บริเวณรอยปรุ บางครั้งเรียกการหุ้มแบบนี้ว่า “cap seal” นอกจากใช้กับขวดแล้ว ยังมีการใช้กับถ้วยไอศกรีมที่ใช้ฝาครอบ
2) ฟิล์มหดหุ้มทั้งขวด ลักษณะเป็นซองที่หัวท้ายเปิดขนาดใหญ่ที่หุ้มตั้งแต่ฝาลงมาถึงก้นขวด ทำหน้าที่เป็นฉลากและป้องกันฝาเปิดพร้อม ๆกัน ฟิล์มหดนี้จำเป็นต้องมีการพิมพ์ที่ออกแบบอย่างสวยงาม รวมทั้งมีรอยปรุรอบ ๆบริเวณใต้คอขวดเล็กน้อย เพื่อให้ผู้บริโภคใช้นิ้วเกี่ยว แล้วฉีกตามรอยปรุส่วนบนออก จึงจะเปิดฝาได้
ฉบับหน้ามาต่อด้วย Tamper Evident Packaging ภาคที่ 2