การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เน้น UX และ UI
UX (User Experience) และ UI (User Interface) แนวคิดใหม่ที่ผสานงานออกแบบเชิงประสบการณ์เข้ากับการใช้งานจริงของผู้บริโภค
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ เน้น UX (User Experience) และ UI (User Interface) เป็นแนวคิดใหม่ที่ผสานงานออกแบบเชิงประสบการณ์เข้ากับการใช้งานจริงของผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายให้ “บรรจุภัณฑ์” ไม่ได้แค่สวยหรือป้องกันสินค้าเท่านั้น แต่ยังสร้างความพึงพอใจ ความสะดวกและการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ด้วย
UX Design (User Experience Design)
UX (User Experience) ในบรรจุภัณฑ์ คือ ประสบการณ์โดยรวมที่ผู้ใช้มีต่อบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่เห็นครั้งแรก จนถึงการเปิด ใช้งาน พกพา หรือกำจัดทิ้ง ทุกขั้นตอนล้วนส่งผลต่อความรู้สึก ประสิทธิภาพ และความพึงพอใจของผู้บริโภคUX (User Experience) ในบรรจุภัณฑ์ เป็นการออกแบบเพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกดี ใช้งานง่าย และจดจำได้
องค์ประกอบหลักของ UX ในบรรจุภัณฑ์ การเปิด-ปิดง่าย ฝาเปิดง่ายโดยไม่ต้องใช้แรงมาก แกะแล้วไม่เสียรูป มีคำแนะนำการเปิดหรือแถบฉีกชัดเจน ความสะดวกในการพกพา และจัดเก็บ ขนาดพอดีมือ ไม่เกะกะ ซ้อนกันได้ง่าย มีหูหิ้วหรือรูปทรงที่ช่วยในการถือ ในด้านความปลอดภัย มีซีลป้องกันการเปิดก่อนถึงผู้บริโภค บอกวันหมดอายุและข้อมูลโภชนาการชัดเจน การใช้งานซ้ำได้ (Reusable) ขวดที่เปิดแล้วปิดสนิทได้อีก กล่องที่สามารถแปลงเป็นของใช้อย่างอื่นได้ เช่น กล่องใส่ของ ด้านความรู้สึกทางอารมณ์ สี วัสดุ หรือฟังก์ชันที่กระตุ้นอารมณ์ดี เช่น กล่องของขวัญที่เปิดแล้วมีลูกเล่น การเล่าเรื่องแบรนด์ผ่านบรรจุภัณฑ์
UI Design (User Interface Design)
UI (User Interface) ในบรรจุภัณฑ์ หมายถึง ประสบการณ์ของผู้ใช้ที่มีต่อ “หน้าตาและการใช้งานของบรรจุภัณฑ์” ซึ่งจริง ๆ แล้วควรมองร่วมกับ UX (User Experience) เพราะทั้งสองเรื่องนี้เกี่ยวข้องกันมาก โดยเฉพาะในด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดี ต้องคำนึงถึงทั้งรูปลักษณ์ การใช้งาน และความรู้สึกของผู้ใช้
องค์ประกอบหลักของ UI ในบรรจุภัณฑ์ ด้านการจัดวางองค์ประกอบ (Layout) ตำแหน่งโลโก้ ชื่อสินค้า คำอธิบาย ภาพสินค้า ต้องสมดุล อ่านง่าย แบ่งข้อมูลสำคัญ-รองให้ชัดเจน การเลือกใช้สีและฟอนต์สีควรสื่อถึงแบรนด์ ประเภทสินค้า เช่น สีเขียวธรรมชาติ หมายถึง สินค้าออร์แกนิก ฟอนต์อ่านง่าย ชัดเจน และตรงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ฟอนต์ทันสมัยสำหรับวัยรุ่น ภาพประกอบและไอคอนใช้ภาพที่ดึงดูด และบอกคุณค่าของสินค้าได้โดยไม่ต้องอ่านเยอะ ไอคอนช่วยให้เข้าใจข้อมูลได้รวดเร็ว เช่น ไอคอน “ไม่ใส่น้ำตาล”, “รีไซเคิลได้” เนื้อหา (Content) ข้อความสั้น กระชับ ดึงดูด เช่น “แกะง่ายใน 1 วิ” การใช้ Storytelling เช่น “คุกกี้สูตรโบราณจากคุณย่า” Interactive UI QR code หรือ NFC ที่สแกนแล้วพาไปยังเว็บหรือแอปพลิเคชัน กล่องที่เปลี่ยนลวดลายเมื่อโดนแสง หรือเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ
UX/UI ต่างกันอย่างไร
แม้ว่าการออกแบบ UX (ประสบการณ์ผู้ใช้) และการออกแบบ UI (อินเทอร์เฟซผู้ใช้) จะมีความใกล้ชิดกันอย่างมาก แต่ก็มีแง่มุมที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามทั้ง UX และ UI จำเป็นต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าการโต้ตอบของผู้ใช้กับผลิตภัณฑ์นั้นเป็นไปตามสัญชาตญาณ มีประสิทธิภาพ และสนุกสนาน ที่ควบคู่ไปกับมุ่งเน้นไปที่แง่มุมต่าง ๆ ของกระบวนการออกแบบ ดังนั้นส่วนติดต่อผู้ใช้และประสบการณ์ผู้ใช้จึงถือเป็นองค์ประกอบที่จำเป็นต้องเชื่อมโยงกันเพื่อกำหนดการใช้งานและฟังก์ชันการทำงานของผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ด้วยเหตุนี้นักออกแบบจึงจำเป็นต้องมีทักษะการออกแบบ UI และ UX ที่จำเป็นในการนำไปใช้เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ประสบความสำเร็จ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนชื่นชอบมักต้องใช้ทั้ง UI ที่ดีและ UX ที่ดี ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีแอปธนาคารที่ดูดีและมีการนำทางที่ใช้งานง่าย (UI) แต่หากแอปโหลดช้าหรือทำให้ผู้ใช้ต้องคลิกหลายหน้าจอเพื่อโอนเงิน (UX) เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ แน่นอนว่าแม้การออกแบบ UI จะดีแค่ไหน สุดท้ายแล้วผู้ใช้ก็อาจจะไม่อยากใช้แอปของธนาคารนั้นต่อ
ในทางกลับกัน ในฝั่งของเว็บไซต์ที่อาจเต็มไปด้วยเนื้อหาที่เป็นประโยชน์และไม่ซ้ำใคร ซึ่งจัดระเบียบด้วยวิธีที่สมเหตุสมผลและใช้งานง่าย (UX) แต่ถ้ามันดูเก่าหรือผู้ใช้ไม่รู็วิธีย้ายไปมาระหว่างหน้าจอหรือเลื่อนดูตัวเลือกต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย (UI) สุดท้ายแล้วผู้ใช้ก็อาจต้องการออกจากเว็บไซต์นั้นได้ทันที
การออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (UX)
- การออกแบบ UX เกี่ยวข้องกับประสบการณ์โดยรวมที่ผู้ใช้มีเมื่อโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้การเดินทางของผู้ใช้ผ่านผลิตภัณฑ์เป็นไปอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และน่าพึงพอใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- เป้าหมายหลักของการออกแบบ UX รวมถึงการทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้ การดำเนินการวิจัยผู้ใช้ การกำหนดลักษณะผู้ใช้ การสร้างกระแสผู้ใช้และโครงร่าง และการทำให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์จะแก้ปัญหาของผู้ใช้และบรรลุเป้าหมาย
- นักออกแบบ UX มุ่งเน้นไปที่สถาปัตยกรรมข้อมูล การใช้งาน การเข้าถึง และการตอบสนองทางอารมณ์ของผู้ใช้ต่อผลิตภัณฑ์ ที่เกี่ยวข้องกับ “ภาพรวม” เพื่อให้แน่ใจว่าองค์ประกอบทั้งหมดของผลิตภัณฑ์นั้นทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้อย่างไร
นักออกแบบ UX จะมุ่งเน้นการทำงานไปที่ประสบการณ์ที่ผู้ใช้มีกับผลิตภัณฑ์ เป้าหมายคือ การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง เข้าถึงได้ และน่าใช้งาน แม้ว่าคำว่า UX มักจะใช้กับผลิตภัณฑ์ดิจิทัล แต่ก็สามารถนำไปใช้กับผลิตภัณฑ์และบริการที่ไม่ใช่ดิจิทัลได้เช่นกัน (เช่น เครื่องชงกาแฟหรือระบบการขนส่ง) งานทั่วไปสำหรับนักออกแบบ UX อาจรวมถึง
- ดำเนินการวิจัยผู้ใช้เพื่อระบุเป้าหมาย ความต้องการ พฤติกรรม และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์
- การพัฒนาบุคลิกภาพของผู้ใช้ตามลูกค้าเป้าหมาย
- การสร้างแผนที่การเดินทางของผู้ใช้เพื่อวิเคราะห์วิธีที่ลูกค้าโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์
- การสร้างโครงร่างและต้นแบบเพื่อเน้นย้ำว่าผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร
- ทำการทดสอบผู้ใช้เพื่อตรวจสอบการตัดสินใจออกแบบและระบุปัญหา
- ทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นักออกแบบ UI และนักพัฒนา
การออกแบบส่วนต่อประสานกับผู้ใช้ (UI)
- การออกแบบ UI เกี่ยวข้องกับรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก มันเกี่ยวข้องกับองค์ประกอบภาพและการโต้ตอบของอินเทอร์เฟซผู้ใช้ รวมถึงเค้าโครง การพิมพ์ โทนสี ปุ่ม ไอคอน และองค์ประกอบการออกแบบอื่น ๆ
- นักออกแบบ UI มีหน้าที่รับผิดชอบในการสร้างการออกแบบรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ เพื่อให้มั่นใจว่ามีความสวยงามและสอดคล้องกับเอกลักษณ์ของแบรนด์ พวกเขายังทำงานเพื่อสร้างองค์ประกอบเชิงโต้ตอบที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรต่อผู้ใช้
- แม้ว่าการออกแบบ UI จะเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการออกแบบกราฟิก แต่ก็มีขอบเขตที่นอกเหนือไปจากความสวยงาม รวมถึงการคำนึงถึงการใช้งานและฟังก์ชันการทำงานด้วย การออกแบบ UI ที่ดีไม่เพียงแต่ดูดีเท่านั้น แต่ยังปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้โดยรวมอีกด้วย
นักออกแบบ UI จะสร้างส่วนกราฟิกของแอปมือถือ เว็บไซต์ และอุปกรณ์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ผู้ใช้โต้ตอบโดยตรง ต่างจาก UX ซึ่งสามารถใช้ได้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการแทบทุกประเภท คำว่า UI ใช้กับผลิตภัณฑ์ดิจิทัลโดยเฉพาะ นักออกแบบ UI ต้องพยายามสร้างแอปและเว็บไซต์ให้ทั้งดูน่าดึงดูดและใช้งานง่าย ซึ่งงานทั่วไปของนักออกแบบ UI ได้แก่
- การจัดเค้าโครงหน้าหรือเลย์เอาต์
- การเลือกโทนสีและแบบอักษร
- การออกแบบองค์ประกอบเชิงโต้ตอบ เช่น ตัวเลื่อน ปุ่ม สลับ เมนูแบบเลื่อนลง และช่องข้อความ
- การสร้างโครงร่างที่มีความเที่ยงตรงสูงเพื่อแสดงให้เห็นว่าการออกแบบขั้นสุดท้ายหน้าตาจะเป็นอย่างไร
- ทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักพัฒนาเพื่อแปลงการออกแบบให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ดี