กร เธียรนุกุล Young Printer Group

“กร เธียรนุกุล” Young Printer Group

เรามีโอกาสได้รู้จัก คุณกร ในฐานะบุตรชายของคุณเกรียงไกร เธียรนุกุลที่พวกเรารักและเคารพ มาวันนี้คุณกรคือความภาคภูมิใจและเป็นผลิตผลแห่งความสำเร็จของ Young Printer Group รวมถึงบทบาทใหม่ในวันนี้คือ ประธาน Young Printer Group วาระ 2561-2563

“ช่วยเล่าประวัติส่วนตัวให้ฟังหน่อยคะ”

ผมมีพี่น้อง 3 คน เป็นชายล้วนครับ ตัวผมเองเป็นฝาแฝด มีคู่แฝดชื่อกฤตย์ ตอนเด็กๆ ผมกับกฤตย์เหมือนกันมาก คนจำผิดเรียกผิดตลอด บางทีถ้าเขาเรียกผมว่ากฤตย์ ผมก็แกล้งเนียนๆ เป็นกฤตย์ไปเลย และมีน้องชายคนเล็กอีกคนชื่อกันต์ ตอนนี้เรียนอยู่เกรด 10 ที่อเมริกาครับ

ผมเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญศึกษาตั้งแต่ ป.1 จนถึง ม.3 ครับ แล้วไปต่อมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจบระดับปริญญาตรีที่ คณะพาณิชย์ศาสตร์และการบัญชี หลักสูตรนานาชาติ (BBA) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“ความเป็นมาของบริษัท นิวไวเต็ก”

ปัจจุบัน ผมเข้ามาช่วยธุรกิจโรงพิมพ์ของครอบครัว คือ บริษัท นิวไวเต็ก จำกัด ซึ่งครบรอบ 60 ปีเมื่อปีที่แล้ว คุณปู่ของผมเป็นผู้ก่อตั้ง จนมาถึงรุ่นคุณพ่อ และตอนนี้เป็นรุ่นผม ถือว่าผ่านเข้าสู่รุ่น Generation ที่ 3 แล้วครับ

“จุดเริ่มต้นของการทำงาน และหน้าที่รับผิดชอบกับงานธุรกิจการพิมพ์มีอะไรบ้าง”

ครอบครัวผม ทำธุรกิจหลายอย่าง หนึ่งในธุรกิจที่นอกเหนือจากโรงพิมพ์คือธุรกิจทางด้านร้านอาหาร มีทั้งเป็นร้านแบบ Fine Dining Restaurant และ Fastfood เมื่อผมจบมาใหม่ๆ คุณพ่อส่งผมให้ไปฝึกทำงานที่ร้าน Fastfood ที่สาขามาบุญครอง ซึ่งเป็นงานที่ผมได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เป็นอย่างมากเพราะต้องเป็นเสมือนพนักงานคนหนึ่ง ผมได้เข้าไปลงมือทำทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นเข้าครัว เสิร์ฟ แคชเชียร์ เมื่อทำไปได้ประมาณ 1 ปี คุณพ่อให้ผมและกฤตย์ลองเปิดร้านอาหารและสร้างแบรนด์ใหม่ดูเอง ผมและกฤตย์จึงคิดทำร้านขายไก่ทอดส้มตำ ชื่อ Kookai เราต้องเริ่มใหม่หมด ตั้งแต่เมนู รูปแบบร้าน เทรนพนักงาน ตกแต่งร้าน ทำโปรโมชั่น เดินแจกใบปลิว รับลูกค้าทั้งคำชมและคำด่า (แต่ตอนนี้ร้านนี้ปิดไปแล้วนะครับ 55) การได้ลองเริ่มทำอะไรใหม่ตั้งแต่ต้น ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ เนื่องจากงานร้านอาหารเป็นงานที่ต้องอาศัยความละเอียด การบริการ และทีมเวิร์ค ผมทำที่ร้านได้ประมาณ 2-3 ปี คุณพ่อก็ให้ผมเข้ามาช่วยงานที่โรงพิมพ์ ช่วงแรกที่เข้ามาทำงาน เป็นช่วงที่ท้าทายมากเพราะถึงแม้ผมจะเติบโตในโรงพิมพ์ เห็นเครื่องพิมพ์ตั้งแต่เด็กๆ เห็นบรรยากาศการทำงานมาตลอด แต่เมื่อต้องเข้ามาทำงานเต็มตัวกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะโรงพิมพ์เป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ที่เป็นวิชาเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพิมพ์ กระดาษ หมึก เทคนิคมากมาย สิ่งที่คุณพ่อได้มอบหมายคือ ให้ผมพัฒนาระบบการทำงานให้ราบรื่นมากยิ่งขึ้น และเปิดตลาดใหม่ที่นอกเหนือไปจากฐานลูกค้าเดิมที่มีอยู่แล้ว ผมจึงเริ่มจากการวางภาพรวมให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันก่อน เพื่อทุกคนจะได้เดินไปในแนวทางเดียวกัน ในช่วงแรกลำบากมาก ทั้งในด้านของการปรับตัวให้เข้ากับระบบการทำงานที่ไม่คุ้นเคย รวมถึงการเรียนรู้สายการผลิต เมี่อทุกอย่างเข้าที่แล้ว ผมจึงเริ่มทำการปรับปรุงการทำงานของบางแผนกที่จำเป็น โดยการนำเอาระบบมาปรับใช้ และพัฒนาบุคคลากรให้มีศักยภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการตั้งเป้าหมายในเรื่องของการขยายตลาดเชิงรุกโดยการใช้สื่อ online เข้ามาเสริมเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น

“ความคิดที่แตกต่างกันระหว่างรุ่นเรากับคุณพ่อ”

การทำงานกับธุรกิจของครอบครัวจะค่อนข้างแตกต่างกับการทำงานที่บริษัทข้างนอก เพราะความใกล้ชิดกันจะมากเป็นพิเศษ เมื่อความใกล้ชิดกันมาก ความเกรงใจก็จะน้อยลง จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการกระทบ กระทั่ง มีปากเสียงกัน อีกทั้งถ้าธุรกิจของครอบครัวเป็นแบบกงสี ผู้ใหญ่ในครอบครัวก็จะเห็น ว่าเราเป็นเด็กอยู่ ถึงแม้เราจะโตมากแค่ไหนก็ตาม เพราะพวกท่านเห็นเรามาตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นการยอมรับจากคนในบริษัทหลายๆฝ่ายจะต้องใช้เวลา และความคิดเห็นในการสร้างสิ่งใหม่ๆ ซึ่งอาจต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทนในการพิสูจน์

“ปรัชญาหรือคติในการทำงาน”

“Think Big, Start Small and Move Fast คิดใหญ่, เริ่มเล็ก และทำเร็ว” แนวคิดนี้ผมได้มาจากนักธุรกิจต่างชาติท่านหนึ่ง เมื่อครั้งผมได้มีโอกาสเดินทางไปร่วมงาน Young Asean Forum ที่ต่างประเทศ หลังจากที่ผมได้ฟังสัมภาษณ์ของท่านบนเวที และรู้สึกประทับใจมาก จึงได้ขอเข้าไปพบเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว และแนวคิดข้างต้น คือหลักการที่นักธุรกิจท่านนี้ยึดถือมาโดยตลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเองก็ใช้เป็นหลักในการทำงานเช่นเดียวกัน

อีกหนึ่งข้อคิดในการทำงานที่ผมเชื่อคือ “Freedom to Fail อิสรภาพในการผิดพลาด” ซึ่งเป็นสิ่งที่ Mark Zuckerberg ได้พูดไว้ในสุนทรพจน์ที่เขาขึ้นไปกล่าวในงานรับปริญญากิตติมศักดิ์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สิ่งนี้ก็สำคัญเช่นเดียวกัน ตอนที่ผมเริ่มทำงานครั้งแรก ผมได้พบเจอช่วงที่ยากลำบากมากในหลายๆจุด แต่ผมก็ผ่านพ้นมาได้ ซึ่งการล้มในทุกครั้ง จะกลายเป็นบทเรียนที่จะสอนให้คนเรา ลุกขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ผมเชื่อว่า การเรียนรู้ในสิ่งที่ถูกเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การเรียนรู้ในสิ่งที่ผิด ก็สำคัญไม่แพ้กันครับ

“เป้าหมายการทำงานในปัจจุบัน”

จากการที่ได้รับมอบหมายจากคุณพ่อให้เข้ามาทำโรงพิมพ์ในช่วงที่เป็น Sunset Business ผมจึงวางเป้าหมายที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ถึงแม้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์จะอยู่ในช่วงขาลง แต่ผมยังเชื่อเสมอว่า ถ้าเรามีความมุ่งมั่นในการทำงานอย่างแน่วแน่ เราจะสามารถที่จะนำพาองค์กรของเราให้พัฒนาและปรับตัวในรูปแบบที่เหมาะสมและอยู่รอดได้อย่างแน่นอน

“มุมมองอนาคตของอุตสาหกรรมการพิมพ์ไทย”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทุกท่านคงจะได้ยินเรื่องของเปลี่ยนแปลงแนวความคิดและนำเทคโนโลยีมาใช้ในธุรกิจในยุคดิจิทัล หรือ Digital Transformation ซึ่งเข้ามาทำลายเทคโนโลยีสมัยเก่าอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งอุตสาหกรรมการพิมพ์ ก็ติดทุกโผ ใน 10 อันดับแรกของอุตสาหกรรมที่เป็น trend ขาลง โดยเฉพาะถ้าเป็นการพิมพ์แบบ commercial หรือหนังสือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร จะมีข่าวปิดตัวลงเกือบทุกเดือน ถึงแม้จะมีข่าวที่ตอกย้ำว่า อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์เป็น Sunset Business ผมก็ยังมีความเชื่อว่า ถ้าเรายังหาจุดแข็งในธุรกิจของตัวเองได้ ไม่หยุดนิ่ง และปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เราก็จะยังสามารถอยู่รอดท่ามกลางกระแสดิจิตัลนี้ได้นะครับ

“ธุรกิจครอบครัวจำเป็นต้องปรับตัวให้ทำงานเป็นแบบมืออาชีพ และต้อง Transform ตัวเองให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นเลิศ หรือ Excellence Organization”

“แนวคิดที่ได้มาเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่ม Young Printer”

ผมเริ่มเข้ามาร่วมกิจกรรมกับทางสมาคมการพิมพ์ไทยตั้งแต่เด็กๆเลยครับ ตั้งแต่คุณพ่อของผมยังไม่ได้เป็นนายกสมาคมการพิมพ์ไทย คุณพ่อพาผมให้เข้ามาร่วมงานที่สมาคมจัดมาโดยตลอด จนพ่อผมได้ขึ้นเป็นนายกสมาคม รุ่นอาตั้ง – คุณพรชัย รัตนชัยกานนท์ จนถึงรุ่นปัจจุบันคือน้าแก้ว – คุณพิมพ์นารา จิรานิธิศนนท์ และผมได้เข้าร่วมกิจกรรมกับ YPG แบบเต็มตัว เมื่อ 2 ปีที่แล้ว

“หน้าที่และบทบาทในกลุ่ม Young Printer”

ผมได้รับเลือกตั้งเป็นประธาน YPG ต่อจากพี่กอล์ฟ ประธานคนเก่าซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อตอนต้นปีนี้ ขอบคุณทุกคะแนนเสียงนะครับ ผมและคณะกรรมการชุดนี้ ได้ประชุมเพื่อวางเป้าหมายของ YPG ไปสู่แนวทางของคนรุ่นใหม่ ในช่วง 2 ปีของวาระนี้ เรามีแผนงานที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ๆให้เห็น รอดูกันนะครับ

“วันว่างกับงานอดิเรก”

ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายครับ ไม่ว่าจะเป็น เข้าห้องยิม ฟุตบอล และผมชอบอ่านหนังสือมาก โดยเฉพาะหนังสือที่เกี่ยวกับแนวความคิดใหม่ๆ

“รูปแบบในการใช้ชีวิตส่วนตัว”

ผมเป็นคนง่ายๆ ไม่เรื่องมาก ยกเว้นการทำงาน อันนี้ผมจริงจัง และชอบเห็นความก้าวหน้า ทำงานเหนื่อยเต็มที่และได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า และอย่าลืม Life Balance อันนี้สำคัญ การพักผ่อนหลังการทำงานเป็นเรื่องจำเป็น คนเราไม่สามารถทำงานได้ 24 ชั่วโมง และไม่สามารถพักผ่อนได้ 24 ชั่วโมงเช่นกัน ฉะนั้นการพักผ่อนไม่คิดเรื่องงานเลย จะทำให้การทำงานในวันต่อๆไปดีกว่าเดิม และอาจจะได้ไอเดียใหม่ๆที่คิดไม่ถึงด้วยซ้ำ

“กำลังใจมีให้กันเสมอ”

อยากบอกถึงเพื่อนๆและผู้คนในอุตสาหกรรมการพิมพ์ว่า ทุกๆอย่างมีทางออกและทางแก้ไข ตราบใดที่เราเปิดความคิด รับไอเดียใหม่ๆ ไม่ปิดกั้นตัวเองและอย่าโกหกตัวเอง ยุคสมัยในตอนนี้เดินเร็วมาก จนเกือบจะวิ่งแล้ว เพราะการเข้าถึงความรู้ต่างๆ เข้าถึงได้ง่ายกว่าด้วยเทคโนโลยีที่เปิดกว้าง ร่วมถึงการแสดงความคิดเห็นที่มีให้เห็นเต็มไปหมดใน social online ฉะนั้นถ้ายังปิดกั้นตัวเอง กลัวที่จะรับการเปลี่ยนแปลง ฝีนธรรมชาติและเทรนด์ของโลก ก็จะไม่มีวันที่จะได้ก้าวหน้าได้ การอยู่เฉยๆ คือการก้าวถอยหลัง และทุกคนก้าวไปข้างหน้า

“ยุคดิจิทัลในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโคภเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนไปจากเดิม สิ่งที่เราต้องทำคือ มุ่งพัฒนาจุดแข็งธุุรกิจตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เพื่อนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จ”

 

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า